.jpg)
มข.ชูงานวิจัยเด่นยกระดับคุณภาพชีวิตคนอีสาน สู่สายตาครม.สัญจร
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี เยือนมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในวาระประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (ครม.สัญจร) โดยมี รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วยผู้บริหารมหาวิทยาลัย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหาร ข้าราชการระดับสูง ร่วมต้อนรับคณะรัฐมนตรี ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย จังหวัดหนองคาย
การประชุมครั้งนี้ ประกอบไปด้วยหัวข้อ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ การพัฒนาด้านแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและการแก้ไขปัญหาอุทกภัย การพัฒนาด้านการยกระดับการผลิตและการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิต การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว และการพัฒนาด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งสิ้น 40 โครงการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางมายังจังหวัดหนองคายได้ติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานของรัฐบาลตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งโครงการระยะสั้น และโครงการระยะยาวตามแผนแม่บท จำนวน 5 กลุ่มงาน ประกอบด้วย การคมนาคมขนส่ง ซึ่งก่อสร้างถนนเรียบทางรถไฟ ถนนสายอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนกว่า 17 โครงการ ต่อมาเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร และแก้ปัญหาอุทกภัย การบริหารจัดการน้ำใช้ทั้งอุปโภค บริโภค ภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะการอนุมัติสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จังหวัดหนองคายซึ่งใช้งบประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการ ยกระดับการผลิตและการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิต ด้วยการพัฒนาเกษตรครบวงจร ยกระดับสินค้าชุมชน สร้างศูนย์การเรียนรู้ พัฒนาศักยภาพของชุมชนให้ดียิ่งขึ้น เช่น กลุ่มทอผ้าไหม พร้อมกันนี้ยังมีโครงการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ตามวิถีชีวิตลุ่มน้ำโขง การท่องเที่ยวนวัตวิถี การท่องเที่ยวกีฬา เป็นต้น และโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต กำหนดให้อุดรธานีเป็นเมืองกีฬาใน 5 แห่งของประเทศ พัฒนาสาธารณูปโภค ขยายประปาในจังหวัดหนองคาย เชื่อมโยงไปยังจังหวัดอุดรธานี เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของประชากร และภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ และโครงการด้านสาธารณสุข โรงพยาบาลหนองคายได้เพิ่มเตียง ห้องฉุกเฉิน เพื่อรองรับความต้องการ และยกระดับคุรภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น เหล่านี้รัฐบาลได้รับพิจารณาบรรจุในแผนแม่บทและสั่งการให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดตลอดจนหน่วยงานภาครัฐเร่งส่งเสริมให้แล้วเสร็จ ขณะนี้บางโครงการเป็นโครงการระยะสั้นดำเนินการเสร็จเรียบร้อย และบางโครงการเป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาวซึ่งได้ระบุในยุทธศาสตร์ชาติ และรัฐบาลได้รับทุกเรื่องไว้พิจารณาแล้ว โดยเน้นย้ำว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นการทำงานตามรัฐบาลปกติ เพื่อตรวจสอบและใส่ใจความเป็นอยู่ของประชาชน ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นแฝง พร้อมแสดงความห่วงใยแก่ประชาชนเมื่อฤดูกาลเปลี่ยนแปลงประชาชนควรออกกำลังกาย สร้างภูมิคุ้มกันร่างกายที่แข็งแรง พร้อมจับมือกัน ร่วมกันพัฒนาประเทศกับทุกภาคส่วนต่อไป
รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2559-2562 ที่จะเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำของโลก โดยสร้างงานวิจัยที่โดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ในประเด็น การแพทย์การสาธารณสุขและสุขภาพเขตร้อน อาหารและอาหารเพื่อสุขภาพ การบริหารจัดการลุ่มน้ำแบบองค์รวม คณิตศาสตร์ศึกษาและวิทยาศาสตร์ศึกษา น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ ความหลากหลายทางชีวภาพลุ่มน้ำโขง ศิลปะ วัฒนธรรม และสังคมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง สมุนไพรไทยและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ธุรกิจ เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
"การมาเยือนมหาวิทยาลัยขอนแก่นครั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำเสนอโครงการสำคัญต่อท่านนายกรัฐมนตรี หลายโครงการ อาทิ โครงการแก้ปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี โครงการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ โครงการแก้ปัญหาความยากจน เพื่อมุ่งแก้ปัญหาและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม โครงการวิจัยโรงงานต้นแบบการผลิต Nano silicon โครงการพัฒนาสมรรถนะนักเรียนระดับมัธยมศึกษาด้วยนวัตกรรม KKU Smart Learning และ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากโครงการเหล่านี้ยังมีอีกหลายโครงการ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาองค์รวมทั้งในระดับชนบท ระดับจังหวัด รวมไปถึงระดับภูมิภาค ฉะนั้นการดำเนินภารกิจด้านการวิจัยจึงถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจหลักที่สำคัญของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่จะสร้างผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ นำไปสู่การแก้ปัญหา พัฒนาได้ตรงจุด ตอบโจทย์ของชุมชน สังคม และ ภูมิภาคได้อย่างแท้จริง"
ทั้งนี้ ประชุมคณะรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 ธันวาคม 2561 ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังสปป.ลาว เพื่อประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat: JCR) ไทย-ลาว ครั้งที่ 3 ที่เวียงจันทน์ สปป.ลาว ต่อไป